ขนมไทย ขนมครก
เป็นที่ประหลาดใจพอสมควรค่ะ เมื่อคิดถึง เมนูขนมไทย ที่ชื่อ ขนมครก ที่มีส่วนประกอบเพียง แป้ง น้ำตาล และกะทิ ส่วนผสมเพียงเท่านี้ จะสามารถมัดใจ คนไทย ครองตลาด ขนมไทย ได้อย่างเหนียวแน่น และยาวนานขนาดนี้ (โดยพิจารณาจาก ภาพการซื้อการขาย ที่สามารถเห็นกันได้ ทั่วทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่ ใจกลางเมืองหลวง อย่างกรุงเทพมหานครค่ะ)
ในยุคสมัยนี้กับขนมต่าง ๆ แนวนานาชาติ พวกขนมกรุบกรอบ ขนมในถุง สีสันรูปแบบต่าง ๆ นา ๆ ที่เด็ก ๆ รวมทั้งคนรุ่นใหม่ ๆ ที่นิยมเลือกซื้อมาบริโภคไม่เว้นแต่ละวัน กลับมีชื่อขนมไทยชนิดนี้ คือ ขนมครก แทรกรวมอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าขนมครกจะหาซื้อไม่ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างกับจุดขายของร้านสะดวกซื้อ หน้าปากซอยบ้านเราก็ตามที แต่จากที่เห็น ก็มักจะเห็นผู้คนซื้อรับประทานกันบ่อย ๆ เสมอ ๆ ในทุกเพศทุกวัย อย่างนี้ เราคนไทยต้องภูมิใจ กับขนมไทย และสืบทอดวัฒนธรรมการกินไทย ๆ ให้อยู่ยั้งยืนยงนะคะ
สำหรับวันนี้ จะนำเสนอ วิธีทำขนมครกแบบง่าย ๆ เหมาะสมกับยุคสมัยนี้ โดยใช้เครื่องปั่นอาหาร แทนการใช้เครื่องโม่แป้ง อย่างสมัยก่อนค่ะ
ส่วนจะเรียกว่า ขนมครกโบราณ ขนมครกชาววัง หรือ ขนมครกทรงเครื่อง ก็แล้วแต่จะเรียกได้ตามต้องการค่ะ ซึ่งตัวแป้งและวิธีทำ ก็จะเหมือนกัน เพียงแต่เพิ่มเติมส่วนหน้าของ ขนมครก ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอีกชื่อได้ตามต้องการแล้วล่ะค่ะ
ส่วนผสมและวิธีทำ
ส่วนกะทิ สำหรับหยอดเป็นหน้าของ ขนมครก
ส่วนผสมและวิธีทำ
ส่วนตัวแป้ง ของขนมครก
จากนั้น เวลาจะทำ หรือหยอดขนมครก ก็ให้เริ่มจาก รอให้เบ้าที่ใส่ขนมครก ร้อนซะก่อน ใช้ผ้าห่อด้วยมะพร้าวขูด (คั้นน้ำกะทิออกแล้ว) ชุบน้ำมันพืช ทาให้ทั่วเบ้าที่ใส่ขนมครก
แล้วตักส่วนของตัวแป้ง ใส่ลงในเบ้า ประมาณ 3/4 ส่วนของเบ้าใส่ขนม แล้วปิดฝา
รอให้แป้งสุกสักครู่หนึ่ง จากนั้น ค่อยหยอดส่วนที่หน้ากะทิลงไป และ ถ้าจะเพิ่มเครื่องต่าง ๆ เป็นส่วนหน้า เช่น เผือก ฟักทอง ข้าวโพด ต้นหอม ก็ให้ใส่ในขั้นตอนนี้ แล้วปิดฝา รอให้สุกอีกครั้ง ก็จะได้ ขนมครก ที่แสนอร่อยแล้วล่ะค่ะ
ในยุคสมัยนี้กับขนมต่าง ๆ แนวนานาชาติ พวกขนมกรุบกรอบ ขนมในถุง สีสันรูปแบบต่าง ๆ นา ๆ ที่เด็ก ๆ รวมทั้งคนรุ่นใหม่ ๆ ที่นิยมเลือกซื้อมาบริโภคไม่เว้นแต่ละวัน กลับมีชื่อขนมไทยชนิดนี้ คือ ขนมครก แทรกรวมอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าขนมครกจะหาซื้อไม่ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างกับจุดขายของร้านสะดวกซื้อ หน้าปากซอยบ้านเราก็ตามที แต่จากที่เห็น ก็มักจะเห็นผู้คนซื้อรับประทานกันบ่อย ๆ เสมอ ๆ ในทุกเพศทุกวัย อย่างนี้ เราคนไทยต้องภูมิใจ กับขนมไทย และสืบทอดวัฒนธรรมการกินไทย ๆ ให้อยู่ยั้งยืนยงนะคะ
สำหรับวันนี้ จะนำเสนอ วิธีทำขนมครกแบบง่าย ๆ เหมาะสมกับยุคสมัยนี้ โดยใช้เครื่องปั่นอาหาร แทนการใช้เครื่องโม่แป้ง อย่างสมัยก่อนค่ะ
ส่วนจะเรียกว่า ขนมครกโบราณ ขนมครกชาววัง หรือ ขนมครกทรงเครื่อง ก็แล้วแต่จะเรียกได้ตามต้องการค่ะ ซึ่งตัวแป้งและวิธีทำ ก็จะเหมือนกัน เพียงแต่เพิ่มเติมส่วนหน้าของ ขนมครก ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอีกชื่อได้ตามต้องการแล้วล่ะค่ะ
ขนมไทย ขนมครก
ส่วนผสมและวิธีทำ
ส่วนกะทิ สำหรับหยอดเป็นหน้าของ ขนมครก
- หัวกะทิ 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย – 1 ถ้วย
- เกลือป่น 1 ช้อนชาครึ่ง
ส่วนผสมและวิธีทำ
ส่วนตัวแป้ง ของขนมครก
- แป้งข้าวจ้าว 2 ถ้วย
- น้ำสะอาด 4 ถ้วย
- น้ำกะทิ 2 ถ้วย
- เกลือป่น 1 – 2 ช้อนชา (ใส่ทีละช้อน แล้วชิมรสดูก่อนค่ะ ถ้าใส่มาก แล้วรสเค็มไปจะแก้ลำบากค่ะ เกลือแต่ละชนิด รสเค็มก็จะต่างกัน)
- ข้าวหอมมะลิสุก 1/2 ถ้วย (ใช้ข้าวหอมมะลิ จะมีส่วนช่วยให้ ขนมครก ของเรามีกลิ่นหอมขึ้นค่ะ)
- ถ้าตรงการทำเป็น ขนมครกทรงเครื่อง หรือ ขนมครกชาววัง ก็ให้เพิ่มส่วนที่เป็นหน้าของ ขนมครก
- เช่น เผือก ฟักทอง ต้นหอม ข้าวโพด ตามต้องการค่ะ
จากนั้น เวลาจะทำ หรือหยอดขนมครก ก็ให้เริ่มจาก รอให้เบ้าที่ใส่ขนมครก ร้อนซะก่อน ใช้ผ้าห่อด้วยมะพร้าวขูด (คั้นน้ำกะทิออกแล้ว) ชุบน้ำมันพืช ทาให้ทั่วเบ้าที่ใส่ขนมครก
แล้วตักส่วนของตัวแป้ง ใส่ลงในเบ้า ประมาณ 3/4 ส่วนของเบ้าใส่ขนม แล้วปิดฝา
รอให้แป้งสุกสักครู่หนึ่ง จากนั้น ค่อยหยอดส่วนที่หน้ากะทิลงไป และ ถ้าจะเพิ่มเครื่องต่าง ๆ เป็นส่วนหน้า เช่น เผือก ฟักทอง ข้าวโพด ต้นหอม ก็ให้ใส่ในขั้นตอนนี้ แล้วปิดฝา รอให้สุกอีกครั้ง ก็จะได้ ขนมครก ที่แสนอร่อยแล้วล่ะค่ะ
Post a Comment